เปิดในหน้าต่างใหม่
อัพเดท 20 พฤศจิกายน 2567

Shazam ทุบสถิติยอดการค้นหาเพลงทะลุ 1 แสนล้านเพลง

เท่ากับว่าสามารถค้นหาเพลงให้แก่ผู้ใช้งานโดยเฉลี่ย 12 เพลงสำหรับแต่ละคนบนโลก
หน้าปกเพลย์ลิสต์มาในสีสันสดใส พร้อมแสดงยอดการค้นหาเพลง 1 ทะลุแสนล้านเพลงของ Shazam
Shazam มียอดการค้นหาเพลงทะลุ 1 แสนล้านเพลงอย่างเป็นทางการแล้วนับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวมา เพื่อเป็นการอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
  • จำนวนการยอดการค้นหานี้เทียบเท่ากับว่า Shazam สามารถค้นหาเพลงให้แก่ผู้ใช้งานโดยเฉลี่ย 12 เพลงสำหรับแต่ละคนบนโลก
  • โดยคนๆ หนึ่งจะต้องใช้ Shazam ค้นหาเพลงทุก ๆ วินาทีเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3,168 ปีเพื่อให้ได้ครบ 1 แสนล้านเพลง
  • ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าการค้นหาเพลงฮิตติดอันดับต้นๆ ตลอดกาลของ Shazam อย่าง "Dance Monkey" ที่มียอดการค้นหามากกว่า 45 ล้านครั้งถึง 2,200 เท่า
  • ผลงานเพลง "Beautiful Things" จากศิลปิน Benson Boone ที่เคยติดอันดับรายงานการคาดการณ์ประจำปี 2023 ของ Shazam ถือเป็นเพลงแรกที่เปิดตัวในปีนี้และมียอดการค้นหาทะลุ 10 ล้านครั้ง ในระยะเวลาเพียง 178 วัน และหากคำนวณด้วยจำนวนดังกล่าวนี้ จะต้องใช้เวลาเล่นเพลงทั้งหมดกว่า 4,800 ปีจึงจะครบจำนวนการค้นหา 1 แสนล้านครั้ง
"ความสำเร็จครั้งใหญ่นี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นว่าผู้คนชอบใช้ Shazam มากขนาดไหน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความต้องการฟังเพลงใหม่ๆ อีกด้วย" Oliver Schusser รองประธานอาวุโสของ Apple Music และ Beats จาก Apple กล่าว "การค้นพบดนตรีใหม่ๆ ถือเป็นหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำ และเราก็จะสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อไปเพื่อให้ผู้รักเสียงดนตรีทั่วโลกสามารถแตะปุ่ม Shazam เพื่อหาเพลงได้ไม่ว่าพวกเขาจะได้ยินเพลงนั้นจากที่ไหน"
Shazam เปิดตัวในปี 2002 ในรูปแบบของบริการ SMS ในสหราชอาณาจักร โดยในตอนนั้นแฟนเพลงจะต้องกดเบอร์ 2580 แล้วถือโทรศัพท์ไว้เพื่อค้นหาเพลง พร้อมกับรับชื่อเพลงและศิลปินผ่านทางข้อความ ยอดการติดตามและความนิยมการใช้งาน Shazam เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ มา จนกระทั่งได้ร่วมมือกับ App Store และได้เปิดตัวแอป iOS ของ Shazam ในปี 2008 ที่ทำให้ผู้ใช้หลายล้านรายได้ใช้เทคโนโลยีการค้นหาเพลง ภายในฤดูร้อนปี 2011 Shazam ก็มียอดค้นหาเพลงกว่า 1 พันล้านเพลง
เมื่อ Shazam เข้าร่วมกับ Apple ในปี 2018 ก็นับว่าเป็นยุคใหม่ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสในการค้นหาเพลงให้แก่แฟนเพลงได้รวดเร็วกว่าที่เคยมีมา
นวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึง Music Recognition บน iOS และ macOS ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถระบุชื่อเพลงรอบๆ ตัวหรือภายในแอปได้ แม้ในขณะที่กำลังใส่หูฟัง การอัปเดต watchOS ล่าสุดได้ล้ำหน้าไปอีกขั้นด้วยการเพิ่ม Shazam เป็นหนึ่งในวิดเจ็ตอัจฉริยะ พร้อมแนะนำเพลงให้แก่ผู้ใช้งาน เมื่อใดก็ตามที่ตรวจจับเพลงใกล้ๆ ได้ สำหรับผู้ใช้ที่กำลังเดินทาง การใช้ Shazam กับปุ่มแอ็คชั่นบน iPhone และ Apple Watch รุ่นล่าสุด สามารถค้นหาชื่อเพลงได้เพียงแค่กดค้างไว้ ทำให้การระบุชื่อเพลงเป็นเรื่องกว่าที่เคย Shazam ยังปรับปรุงประสบการณ์สำหรับผู้ใช้ Android ด้วยการอัปเดต Wear OS ล่าสุดที่ทำให้สามารถระบุเพลงได้โดยตรงจากนาฬิกาของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ การตั้งค่าอย่างรวดเร็วของ Shazam ก็ทำให้สามารถเข้าดูประวัติการค้นหาของผู้ใช้ได้โดยตรง
ความนิยมใช้ Shazam ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะความสามารถในการติดตามแนวดนตรีและการอัปเดตเทรนด์และเพลงที่กำลังมาในวงการดนตรีทั่วโลก เช่น ในช่วงการแข่งกีฬาฤดูร้อนในปารีส เพลง "Nightcall" ของ Kavinsky ก็เป็นเพลงที่ได้รับการค้นหามากที่สุดในระยะเวลาเพียง 1 นาที ความสำเร็จเหล่านี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Shazam ในการขยายขอบเขตของการค้นพบดนตรีใหม่ๆ พร้อมกับเชื่อมโยงผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคนต่อเดือนกับศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบ
ฟังเพลงยอดฮิตอันดับต้นๆ ตลอดกาลบน Shazam ได้ใน Apple Music
แชร์บทความ

Media

  • เนื้อหาของบทความนี้

สื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

[email protected]