เปิดในหน้าต่างใหม่
ภาพคน 4 คนนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยมี iPad, Apple Pencil และ Mac วางอยู่ตรงหน้าที่สำนักงานใหญ่ของ Shout Mouse Press
ในปี 2023 นั้น Shout Mouse Press ได้รับเงินทุนจากโครงการเพื่อความเสมอภาคและความยุติธรรมทางเชื้อชาติของ Apple จากผลงานในการเป็นกระบอกเสียงให้กับคนหนุ่มสาวที่มีความหลากหลายในวรรณกรรมเยาวชน จากซ้าย: Sholachauntel Shoda, Andy Pina และ Alexa Patrick
นักสร้างสรรค์ 17 มกราคม 2567
ในย่าน Dupont Circle อันเก่าแก่ของ Washington, D.C. เป็นที่ตั้งของ Shout Mouse Press ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์วรรณกรรมเยาวชนที่ไม่แสวงหากำไร และภายในนั้นก็อื้ออึงไปด้วยเสียงพูดคุยของคนหนุ่มสาวไฟแรงที่นั่งอยู่หน้ากองหนังสือจำนวนนับไม่ถ้วนบนหิ้งสูงสีขาว โดยในปีก่อน Apple ได้มอบเงินทุนให้แก่ Shout Mouse ผ่านทางโครงการเพื่อความเสมอภาคและความยุติธรรมทางเชื้อชาติ (REJI) ของบริษัท เพื่อเป็นเกียรติแก่องค์กรไม่แสวงหากำไรแห่งนี้ที่มุ่งเป็นกระบอกเสียงให้กับคนหนุ่มสาวที่มีความหลากหลาย
มาในปีนี้ Apple ขอมอบเงินทุนให้แก่ Boys & Girls Clubs of America, Studio Museum in Harlem, Battersea Arts Centre, Art Gallery of New South Wales, Ghetto Film School และ National Museum of African American Music พร้อมกับการเปิดตัวคอลเลกชั่น Black Unity ปี 2024 และการสนับสนุนองค์กรเหล่านี้ของ Apple ยังเป็นการมอบเงินทุนสนับสนุนภายใต้โครงการ REJI อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรต่างๆ ที่มีความมุ่งมั่นในการมอบโอกาสทางเศรษฐกิจ ทางการศึกษา และทางการสร้างสรรค์แก่ชุมชนคนผิวสีทั่วโลก
Shout Mouse ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อแก้ปัญหาการขาดความหลากหลายในงานวรรณกรรมเยาวชนโดยการหาแนวร่วมจากคนวัยหนุ่มสาวในชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอยู่เป็นสัดส่วนน้อยในวงการสื่อสิ่งพิมพ์
"ชื่อ 'Shout Mouse' เริ่มจากความคิดที่ว่าเราสามารถทำให้บางเรื่องที่ไม่มีใครรับฟังกลายเป็นสิ่งที่เห็นเด่นชัดและจับต้องได้ พร้อมกับยื่นโทรโข่งให้ด้วย" Kathy Crutcher ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรแห่งนี้กล่าว"การสนับสนุนของ Apple ช่วยให้เราลงทุนกับคนหนุ่มสาวได้หลายด้านมากขึ้น ทั้งการจัดหาเทคโนโลยี การพัฒนาด้านอาชีพการงาน และที่สำคัญที่สุด คือการเป็นเครื่องยืนยันและเป็นกระบอกเสียงให้กับมุมมองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของพวกเขาเหล่านั้น"
ภาพคอลลาจที่ประกอบด้วย 3 ภาพ ดังนี้ ตรงมุมบนซ้ายเป็นภาพของบุคคลหนึ่งกำลังใช้ Apple Pencil และ iPad ถัดมาตรงมุมล่างซ้ายเป็นภาพผู้ร่วมงานคนหนึ่งกำลังพลิกหน้าหนังสือบอร์ดบุ๊คที่มีภาพวาดประกอบ และทางด้านขวาเป็นภาพผู้ร่วมงานคนหนึ่งยืนอยู่หน้าฉากหลังที่มีหนังสือของ Shout Mouse Press หลายเล่มอยู่บนผนัง
Sholachauntel Shoda (ภาพขวา) เป็นผู้เขียนร่วมในหนังสือเรื่อง Sebastian’s Apartment Family ซึ่งเป็นหนังสือแบบบอร์ดบุ๊คที่เน้นเรื่องความสำคัญของครอบครัวและชุมชน
บ่ายวันหนึ่งในช่วงปลายเดือนธันวาคม Shout Mouse เรียกประชุมนักเขียนศิษย์เก่า 3 คน ได้แก่ Sasa Aakil อายุ 20 ปี, Andy Pina อายุ 19 ปี และ Sholachauntel Shoda อายุ 25 ปี รวมถึงนักวาดภาพประกอบอีกหนึ่งคนคือ Ian L. Springer อายุ 25 ปี เพื่อระดมสมองในการพัฒนาตัวละครของเรื่อง และหัวข้อที่พูดคุยกันก็คือ มีใครบ้างที่หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของชาวผิวดำในวรรณกรรมเยาวชนทุกวันนี้
"เรามักจะมอง Black History Month จากมุมเดียว หรือจากคนสำคัญในประวัติศาสตร์เพียง 3 หรือ 4 คน" Springer กล่าวกับคนในกลุ่ม
"ยิ่งเป็นเรื่องราวของผู้หญิงผิวดำในประวัติศาสตร์ชาวผิวดำด้วยแล้ว ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก แต่กลับไม่ค่อยได้รับการพูดถึงนอกเหนือจาก Harriet Tubman และ Rosa Parks" Aakil ซึ่งเป็นกวีและนักเขียนร่วมในหนังสือที่ได้รับรางวัลเรื่อง I Am the Night Sky จาก Shout Mouse กล่าว โดยเธอเขียนเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทับซ้อนในการใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงอเมริกันผิวดำชาวมุสลิม
Shout Mouse ใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์และความเข้มแข็งของคนรุ่นหนุ่มสาว และฝึกฝนคนกลุ่มนี้ให้มีทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์และอื่นๆ ผ่านทางการจัดเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการเขียน หนังสือที่ตีพิมพ์ และโอกาสในการพูดคุยที่จัดร่วมกับองค์กรเพื่อเยาวชนในเขต D.C.
Sasa Aakil ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมงานกับ Shout Mouse Press โพสท่าถ่ายภาพกับหนังสือ I Am the Night Sky ที่เธอร่วมเขียน
Sasa Aakil เป็นผู้เขียนร่วมในหนังสือเรื่อง I Am the Night Sky ซึ่งเป็นหนังสือรวมเรื่องของ Shout Mouse ที่ตีพิมพ์ในปี 2019 และได้รับรางวัล ฟัง Sasa อ่านส่วนหนึ่งที่คัดมาจากบทกวี "I Am the Night Sky" ของเธอ
"บ่อยครั้งที่คนหนุ่มสาวได้รับคำบอกกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้แตกฉานเกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเอง หรือยังไม่พร้อมที่จะแสดงความเห็นหรือสร้างความแตกต่างให้กับโลกรอบตัว" Alexa Patrick ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโครงการของ Shout Mouse และเป็นแกนนำในการระดมความคิดครั้งนี้กล่าว "สิ่งที่เราพยายามทำคือการเชื้อเชิญคนหนุ่มสาวให้เข้ามาในพื้นที่ที่พวกเขาสามารถเป็นคนที่แตกฉานเกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเอง และได้บอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้น"
Sasa Aakil ซึ่งได้รับรางวัล Youth Poet Laureate of Montgomery County ในรัฐแมรีแลนด์ และปัจจุบันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย Howard University เคยเข้าร่วมเวิร์กช็อปด้านการเขียนที่จัดขึ้นโดย Shout Mouse ร่วมกับกลุ่มเยาวชนชาวอเมริกันมุสลิม โดยเธอและเพื่อนชาวมุสลิมอีก 9 คนใช้เวลาตลอด 10 วันนั้นในการระดมความคิด เขียน และสร้างสรรค์เนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์ที่พบเจอในชีวิต
"ฉันและเพื่อนที่เป็นศิลปินด้วยกันต่างรู้สึกว่าเราต้องส่งสารออกไปเพื่อบอกว่าเราเป็นใคร" Aakil กล่าว "ฉันอยากเน้นย้ำว่าการเป็นชาวอเมริกันผิวดำและเป็นชาวมุสลิมด้วยนั้นเป็นเรื่องโอเค และไม่ใช่แค่โอเค แต่เป็นสิ่งที่ควรภูมิใจด้วย เพราะมีหลายคนที่อยากลบคนแบบพวกเราออกไป เพื่อให้สารของที่เราคิดขึ้นเพื่อสื่อถึงพันธกิจนั้นกลายเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์"
I Am the Night Sky หนังสือรวมเรื่องที่เป็นผลผลิตจากเวิร์กช็อปดังกล่าว เป็นเพียงแค่หนึ่งตัวอย่างของความมุ่นมั่นตั้งใจจริงในการเป็นกระบอกเสียงให้กับเรื่องราวที่มาจากสมาชิกของชุมชนที่องค์กรไม่แสวงหากำไรอย่าง Shout Mouse เข้าถึง และเขียนขึ้นเพื่อชุมชนดังกล่าวอย่างแท้จริง
ภาพคอลลาจที่ประกอบด้วย 3 ภาพ ได้แก่ ทางด้านซ้ายเป็นภาพของนักเขียน Shout Mouse นั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมหนังสือหลายเล่ม ถัดมาตรงมุมบนขวาเป็นภาพของนักวาดภาพประกอบคนหนึ่งขณะทำงานด้วย iPad และ Apple Pencil และตรงมุมล่างขวาเป็นภาพพอร์เทรตของนักวาดภาพประกอบจาก Shout Mouse
ระหว่างการระดมความคิดที่ Shout Mouse นั้น นักวาดภาพประกอบ Ian L. Springer (ภาพล่างขวา) ใช้ Apple Pencil และ iPad เพื่อวาด Tim (ภาพบนขวา) ซึ่งเป็นตัวละครตัวใหม่ที่เขาช่วยกันสร้างกับ Sasa Aakil, Sholachauntel Shoda และ Andy Pina (ภาพซ้าย) โดยเนื้อเรื่องที่วางไว้คือคุณแม่ของ Tim ส่งเขาออกไปผจญภัยเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวผิวดำ
นับตั้งแต่ก่อตั้ง Shout Mouse ได้ตีพิมพ์หนังสือไปแล้ว 59 เล่ม ซึ่งทุกเล่มล้วนเป็นผลงานการสร้างสรรค์ร่วมกับคนหนุ่มสาวและพันธมิตรจากชุมชนท้องถิ่น โดยในปัจจุบันมีหนังสือของ Shout Mouse หมุนเวียนอยู่ในระบบมากกว่า 125,000 เล่ม ซึ่งสามารถหาอ่านได้ในสถานศึกษาและองค์กรไม่แสวงหากำไรในเขตพื้นที่ D.C. รวมถึงในโรงเรียน ห้องสมุด ร้านหนังสือ และบ้านของทุกรัฐทั่วประเทศ ยิ่งกว่านั้น องค์กรไม่แสวงหากำไรแห่งนี้ยังช่วยแจกจ่ายหนังสือไปถึงมือของลูกหลานผู้อพยพที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัวอีกด้วย
หนังสือของ Shout Mouse หลายเล่มเป็นงานที่คิดขึ้น เขียนขึ้น และวาดภาพประกอบโดยคนหนุ่มสาวเพื่อสะท้อนช่วงเวลาทางวัฒนธรรมในยุคของพวกเขา ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณการทำงานของ Shout Mouse ที่ทำให้สามารถถ่ายทอดช่วงเวลาเหล่านี้ผ่านทางวรรณกรรมที่เด็กๆ ทุกคนได้อ่านอย่างสนุกเพลิดเพลิน และเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกันยุคใหม่
"เมื่อเราขาดเรื่องราวที่หลากหลายและเสียงที่หลากหลาย ก็เท่ากับเราพลาดอะไรไปหลายอย่าง" Aakil กล่าว "มีประสบการณ์อีกมากมายที่เราไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสเพราะเราติดอยู่กับร่างกายของเราเอง ดังนั้นการมีเรื่องราวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนั่นคือวิธีที่ง่ายที่สุดในการเข้าใจความรู้สึกซึ่งกันและกัน และเราสามารถเข้าใจความรู้สึกได้ เราสามารถเปิดพื้นที่ให้กันและกันได้"
ผู้ร่วมงานกับ Shout Mouse Press สองคนใช้ Apple Pencil และ iPad ที่สำนักงานใหญ่ขององค์กรไม่แสวงหากำไรแห่งนี้
หนังสือหลายเล่มที่ Shout Mouse ตีพิมพ์เป็นผลงานการเขียนและวาดภาพประกอบโดยคนหนุ่มสาวอย่าง Sholashauntel Shoda และ Andy Pina เพื่อสะท้อนช่วงเวลาทางวัฒนธรรมในยุคของพวกเขา

Apple ยกย่องเชิดชูความเข้มแข็งของชาวผิวดำด้วยคอลเลกชั่น Black Unity ใหม่

คอลเลกชั่น Black Unity ใหม่มาพร้อมลวดลายสีสันใหม่ๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความเข้มแข็งและความสวยงามของชุมชนชาวผิวดำ ดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานและมีสีสันสวยสดบ่งบอกถึงอุดมการณ์รวมกลุ่มแอฟริกา และเป็นสัญลักษณ์แทนผู้คนหลากหลายยุคสมัยที่ทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาความอยุติธรรมและขจัดอุปสรรคเชิงระบบ
สาย Apple Watch แบบ Sport Band รุ่น Black Unity โดดเด่นด้วยดอกไม้หลากหลายแบบที่ได้รับการอัดขึ้นรูปทั่วทั้งสายเพื่อสื่อความหมายผ่านทางสีแดง สีเขียว และสีเหลือง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชุมชนชาวผิวดำทั่วโลก โดย Apple ใช้กระบวนการซ้อนเลเยอร์ที่ไม่เหมือนใครสำหรับดอกไม้เพื่อสร้างความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ในงานดีไซน์ของสายแต่ละเส้น จึงไม่มีสายสองเส้นไหนที่เหมือนกันเลย ส่วนหมุดของสายได้รับการเคลือบผิวด้วยคาร์บอนคล้ายเพชรเพื่อความทนทาน และมีการสลักคำว่า "Truth, Power, Solidarity" ไว้คู่กับสัญลักษณ์รูปดอกไม้ 1 ใน 4 ลาย
ภาพแสดงสายแบบ Sport Band คอลเลกชั่น Black Unity ใหม่บน Apple Watch Series 9
สาย Apple Watch แบบ Sport Band รุ่น Black Unity โดดเด่นด้วยดอกไม้หลากหลายแบบที่ได้รับการอัดขึ้นรูปทั่วทั้งสายโดยใช้กระบวนการซ้อนเลเยอร์ที่ไม่เหมือนใครเพื่อสื่อความหมายผ่านทางสีแดง สีเขียว และสีเหลือง
หน้าปัดเอกภาพผลิบานหรือ Unity Bloom สำหรับ Apple Watch แสดงดีไซน์ดอกไม้ที่สวยงามเพื่อบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นไม่มีย่อท้อในการสร้างโลกที่มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกว่าอยากเห็นดอกไม้บานหนึ่งดอกหรือหลายดอก และเมื่อยกข้อมือขึ้นมา ดอกไม้ก็จะเริ่มผลิบานเต็มหน้าจอด้วยเฉดสีที่สวยสดใส นอกจากนี้ผู้ใช้ iPhone และ iPad ยังสามารถแสดงการสนับสนุนด้วยภาพพื้นหลังเอกภาพผลิบานใหม่สำหรับหน้าจอล็อค ซึ่งจะแสดงลายเส้นของดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มหน้าจอด้วยสีสันที่สวยงามเมื่อจอภาพทำงาน
ภาพพื้นหลังในคอลเลกชั่น Black Unity ใหม่แสดงอยู่บนหน้าจอล็อคของ iPad (ทางซ้าย) และ iPhone (ทางขวา)
ผู้ใช้ iPhone และ iPad สามารถแสดงการสนับสนุนด้วยภาพพื้นหลังเอกภาพผลิบานใหม่สำหรับหน้าจอล็อค ซึ่งจะแสดงลายเส้นของดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มหน้าจอด้วยสีสันที่สวยงามเมื่อจอภาพทำงาน
ราคาและการวางจำหน่าย
  • สายแบบ Sport Band รุ่น Black Unity พร้อมให้สั่งซื้อแล้ววันนี้ทาง apple.com และในแอป Apple Store และจะวางจำหน่ายใน Apple Store หลายสาขาเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมในราคา 1,800 บาท
  • สายแบบ Sport Band รุ่น Black Unity มีจำหน่ายในขนาด 41 มม. หรือ 45 มม.​ และ S/M หรือ M/L ทั่วโลก
  • หน้าปัดนาฬิกาเอกภาพผลิบานจะพร้อมใช้งานสัปดาห์หน้า และต้องใช้ Apple Watch Series 4 หรือใหม่กว่าที่ใช้ watchOS 10.3
  • ภาพพื้นหลังเอกภาพผลิบานใหม่สำหรับหน้าจอล็อค iPhone และ iPad จะพร้อมใช้งานสัปดาห์หน้า และต้องใช้กับ iPhone Xs หรือใหม่กว่าที่ใช้ iOS 17.3 และ iPad (รุ่นที่ 6 และใหม่กว่า), iPad mini (รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า), iPad Air (รุ่นที่ 3 และใหม่กว่า), iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 2 และใหม่กว่า), iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว และ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1 และใหม่กว่า) ที่ใช้ iPadOS 17.3
แชร์บทความ

Media

  • เนื้อหาของบทความนี้

  • รูปภาพในบทความนี้

สื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

[email protected]