เปิดในหน้าต่างใหม่
ข่าวประชาสัมพันธ์ 13 กรกฎาคม 2566

Apple ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 54 รางวัล และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการที่ Ted Lasso กลายเป็นคอมเมดี้ที่ได้รับการเสนอชื่อมากที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 3 รวมถึง STILL: A Michael J. Fox Movie ที่กลายเป็นภาพยนตร์สารคดีหรือซีรีส์สารคดีที่ได้รับการเสนอชื่อมากที่สุดของปีนี้

Apple Original ได้รับเกียรติในการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากผลงานฮิต 13 เรื่อง ได้แก่ Ted Lasso, STILL: A Michael J. Fox Movie, Shrinking, Black Bird, Bad Sisters, Schmigadoon!, Selena Gomez: My Mind & Me, The Problem With Jon Stewart, Carpool Karaoke: The Series, For All Mankind, Five Days at Memorial, Hello Tomorrow! และ Prehistoric Planet

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Ted Lasso ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy มากที่สุดของปีนี้ถึง 21 สาขา

สารคดีที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง STILL: A Michael J. Fox Movie ได้รับการเสนอชื่อ 7 สาขา ซึ่งรวมถึงรางวัลภาพยนตร์สารคดีหรือสารคดีพิเศษยอดเยี่ยม

รายการรอบดึกของ Apple TV+ อย่าง The Problem With Jon Stewart ก็ได้รับการเสนอชื่อถึง 3 สาขารวมถึงซีรีส์ทอล์คโชว์ยอดเยี่ยม

ซีรีส์ Apple Original อย่าง Ted Lasso, Shrinking, Bad Sisters และ Black Bird ก็ได้รับเกียรติเข้าชิงรางวัลด้านการแสดงถึง 15 สาขาจากผลงานการแสดงที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม

Carpool Karaoke: The Series ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาซีรีส์เป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่ชนะติดต่อกันมาแล้วถึง 5 ครั้ง
Ted Lasso บน Apple TV+
Ted Lasso ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy สาขาคอมเมดี้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 21 สาขาเป็นปีที่สามติดต่อกัน
คัลเวอร์ซิตี้ แคลิฟอร์เนีย Apple TV+ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ถึง 54 รางวัลจาก Apple Original ยอดฮิต 13 รายการ ซึ่งทำให้ทะยานขึ้นมาเป็นเครือข่ายที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Emmy มากที่สุดเป็นอันดับสาม ในช่วงเวลาเพียงแค่กว่าสามปีนับตั้งแต่เปิดตัว โดย Apple Original ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในหมวดหมู่สำคัญๆ ได้แก่ ซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมจากคอมเมดี้ที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy มากที่สุดของปีนี้คือ Ted Lasso, ภาพยนตร์สารคดีหรือสารคดีพิเศษยอดเยี่ยมจากเรื่อง STILL: A Michael J. Fox Movie ซึ่งยังเป็นสารคดีที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy มากที่สุดของปีนี้อีกด้วย, ซีรีส์ทอล์ครอบดึกที่โดดเด่น The Problem With Jon Stewart และซีรีส์คอมเมดี้ ดราม่า หรือวาไรตี้ขนาดสั้นยอดเยี่ยมจาก Carpool Karaoke: The Seriesโดย Television Academy เพิ่งประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ครั้งที่ 75 ในวันนี้ และจะเปิดเผยผู้ชนะรางวัลในวันที่ 18 กันยายน 2023
"เรื่องราวออริจินัลอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ทำให้เราได้หัวเราะ ได้สัมผัสถึงความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจโลกของเราในแบบใหม่ๆ ผ่านทางการเล่าเรื่องประเภทต่างๆ" Zack Van Amburg หัวหน้าฝ่าย Worldwide Video ของ Apple กล่าว "เรารู้สึกทึ่งไปกับความสามารถอันโดดเด่นไม่เหมือนใครของนักแสดงและทีมงานที่สร้างรายการอันแสนอัศจรรย์เหล่านี้มาให้ได้รับชมกันทั่วโลก และเราก็ต้องขอขอบคุณ Television Academy ด้วยสำหรับเกียรติในครั้งนี้"
"เราซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากต่อ Television Academy ในการยอมรับรายการอันหลากหลายของ Apple Original เช่นนี้" Jamie Erlicht หัวหน้าฝ่าย Worldwide Video ของ Apple กล่าว "การได้ร่วมงานกับศิลปินผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์เหล่านี้ถือเป็นเรื่องอันน่ายินดีอย่างยิ่ง และเราก็คงไม่อาจมีความสุขได้มากไปกว่านี้ กับการได้เห็นพวกเขาได้รับการยอมรับจากการทำงานอันโดดเด่นของตัวเองในวันนี้ เราขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทุกคน"
STILL: A Michael J. Fox Movie บน Apple TV+
STILL: A Michael J. Fox Movie เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ได้รับการเสนอชื่อมากที่สุดของปีนี้ ด้วยการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ถึง 7 สาขารวมถึงภาพยนตร์สารคดีหรือสารคดีพิเศษยอดเยี่ยม
ซีรีส์ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ไปทั่วโลกอย่าง Ted Lasso ก็กลายเป็นคอมเมดี้ที่ได้รับการเสนอชื่อสูงสุดเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับการเสนอชื่อรวมแล้ว 21 สาขา ซึ่งเป็นการเสนอชื่อที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับซีซั่นที่ 3 ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม และซีรีส์ก็ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้านการแสดงรวมแล้ว 9 สาขา ทำให้กลายเป็นคอมเมดี้เรื่องที่ห้าในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy จากนักแสดงประจำทั้งหมดของซีรีส์ เช่นเดียวกับที่ซีรีส์อย่าง All in the Family, The Golden Girls, Schitt’s Creek และ Will & Grace เคยทำได้มาก่อน ดาราที่เคยได้รับรางวัล Emmy อย่าง Jason Sudeikis, Brett Goldstein และ Hannah Waddingham ก็ได้รับการเสนอชื่อติดต่อกันจากซีซั่นที่ 3 ส่วนดาราอย่าง Phil Dunster และ Juno Temple รวมถึงดารารับเชิญอย่าง Sam Richardson, Sarah Niles, Harriet Walter และ Becky Ann Baker ต่างก็ได้รับการเสนอชื่อด้านการแสดงเช่นกัน
Shrinking บน Apple TV+
รายการใหม่ยอดฮิตอย่าง Shrinking ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้านการแสดงเป็นครั้งแรกสำหรับสองดาราดัง Jason Segel และ Jessica Williams
ภาพยนตร์สารคดีของ Apple Original อย่าง STILL: A Michael J. Fox Movie ก็เป็นผู้นำในสาขาภาพยนตร์สารคดีและซีรีส์สารคดีของปีนี้โดยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ทั้งหมด 7 สาขา รวมถึงรางวัลภาพยนตร์สารคดีหรือสารคดีพิเศษยอดเยี่ยม และผู้กำกับภาพยนตร์สารคดี/รายการสารคดี
Bad Sisters บน Apple TV+
Bad Sisters ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ใน 2 สาขา ได้แก่ รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของ Sharon Horgan และรางวัลการคัดเลือกนักแสดงสำหรับซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม
และเป็นปีแรกที่การบุกเบิกของ Apple TV+ สำหรับรายการรอบดึกอย่าง The Problem With Jon Stewart ได้การยอมรับด้วยการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสำหรับซีรีส์ทอล์คโชว์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับซีรีส์วาไรตี้ และผู้กำกับเทคนิคดีเด่น งานกล้อง และการควบคุมวิดีโอสำหรับซีรีส์
The Problem With Jon Stewart บน Apple TV+
รายการใหม่ในช่วงรอบดึกของ Apple TV+ อย่าง The Problem With Jon Stewart ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ในสาขาซีรีส์ทอล์คโชว์ยอดเยี่ยม
Apple Originals อย่าง Shrinking, Bad Sisters, Black Bird, Selena Gomez: My Mind & Me, Prehistoric Planet, Five Days at Memorial และ Hello Tomorrow! ต่างก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมี Carpool Karaoke: The Series ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาซีรีส์ต่อเนื่องกันเป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่ได้รับชัยชนะติดต่อกันมาแล้ว 5 ครั้ง
Carpool Karaoke: The Series บน Apple TV+
Carpool Karaoke: The Series ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy เป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่ได้รับชัยชนะติดต่อกันมาแล้ว 5 ครั้ง
ดารานำซีรีส์ของ Apple TV+ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้านการแสดงถึง 15 สาขา รวมถึงรางวัลการแสดง 9 สาขาสำหรับซีซั่นที่ 3 ของ Ted Lasso และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นครั้งแรกอย่าง Jason Segel และ Jessica Williams จากเรื่อง Shrinking และ Taron Egerton กับ Paul Walter Hauser จากเรื่อง Black Bird โดย Sharon Horgan ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้านการแสดงเป็นครั้งแรกในสาขาดารานำแสดงหญิงยอดเยี่ยม หมวดหมู่ซีรีส์ดราม่าจากการแสดงอันยอดเยี่ยมของเธอในซีรีส์ฮิต Bad Sisters 
นอกจากนี้โฆษณาของ Apple ก็ยังคงสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ Emmy ต่อไป จากการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในสาขาโฆษณายอดเยี่ยมในทุกปีนับตั้งแต่ที่หมวดหมู่นี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1997 ปีนี้ Apple ก็นำโด่งมาด้วยการได้รับการเสนอชื่อถึง 7 สาขาสำหรับสปอตโฆษณา “The Greatest” (Apple), “Call Me with Timothée Chalamet” (Apple TV+), “Quiet the Noise” - AirPods (Apple) และ “R.I.P. Leon” (Apple) 
ในปี 2022 Ted Lasso ได้กลายเป็นหนึ่งในคอมเมดี้ระดับตำนานด้วยการชนะรางวัลซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมสำหรับซีซั่นที่ 1 และ 2 ซึ่งมีซีรีส์ในประเภทนี้เพียง 8 เรื่องเท่านั้นที่สามารถทำได้ในประวัติศาสตร์ 74 ปีของ Emmy ซีซั่นที่ 2 ของ Ted Lasso ยังได้กลายเป็นคอมเมดี้ที่ได้รับรางวัล Emmy มากที่สุดติดต่อกัน 2 ปี โดยได้รับรางวัลทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ รางวัล Emmy สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้ (Jason Sudeikis), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้ (Brett Goldstein) และผู้กำกับยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้ (M.J. Delaney) 
Apple ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy รวมแล้วถึง 54 รางวัล ซึ่งได้แก่
Ted Lasso ซีซั่น 3 (21)
  • ซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Jason Sudeikis
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Phil Dunster
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Brett Goldstein
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Juno Temple
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Hannah Waddingham
  • นักแสดงรับเชิญชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Sam Richardson
  • นักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Becky Ann Baker
  • นักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Sarah Niles
  • นักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Harriet Walter
  • ผู้กำกับซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม: Declan Lowney
  • การคัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้
  • การเขียนบทยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้
  • การตัดต่อภาพกล้องเดี่ยวยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้: A.J. Catoline, ACE, Alex Szabo
  • การตัดต่อภาพกล้องเดี่ยวยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้: : Melissa McCoy, Francesca Castro
  • งานออกแบบการผลิตยอดเยี่ยมสำหรับรายการเชิงเล่าเรื่องร่วมสมัย (หนึ่งชั่วโมงหรือนานกว่านั้น)
  • การออกแบบทรงผมร่วมสมัยยอดเยี่ยม
  • ดนตรีและเนื้อร้องดั้งเดิมยอดเยี่ยม: “Fought & Lost”
  • ดนตรีและเนื้อร้องดั้งเดิมยอดเยี่ยม: “A Beautiful Game”
  • ผู้ควบคุมดนตรียอดเยี่ยม
  • เอฟเฟ็กต์ภาพพิเศษยอดเยี่ยมในหนึ่งตอน
STILL: A Michael J. Fox Movie (7)
  • ภาพยนตร์สารคดีหรือสารคดีพิเศษยอดเยี่ยม
  • ผู้กำกับยอดเยี่ยมสำหรับภาพยนตร์สารคดี/สารคดี
  • การถ่ายภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสำหรับรายการสารคดี
  • การลำดับภาพยอดเยี่ยมสำหรับรายการสารคดี
  • การประพันธ์ดนตรียอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์หรือรายการพิเศษเชิงสารคดี (ดนตรีประกอบแนวดราม่า)
  • การลำดับเสียงยอดเยี่ยมสำหรับรายการสารคดีหรือเรียลิตี้ (กล้องเดี่ยวหรือหลายกล้อง)
  • การบันทึกเสียงยอดเยี่ยมสำหรับรายการสารคดี (กล้องเดี่ยวหรือหลายกล้อง)
Bad Sisters (4)
  • ดารานำแสดงหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Sharon Horgan
  • ผู้กำกับยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า: Dearbhla Walsh
  • การเขียนบทยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า
  • การคัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า
Black Bird (4)
  • ดารานำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์สั้นแบบ Limited หรือ Anthology: Taron Egerton
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์สั้นแบบ Limited หรือ Anthology: Paul Walter Hauser
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์สั้นแบบ Limited หรือ Anthology: Ray Liotta
  • การถ่ายภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์หรือภาพยนตร์สั้นแบบ Limited หรือ Anthology
Schmigadoon! ซีซั่น 2
  • งานออกแบบการผลิตยอดเยี่ยมสำหรับรายการเชิงเล่าเรื่อง (ครึ่งชั่วโมง)
  • การออกแบบท่าเต้นยอดเยี่ยมสำหรับรายการแบบมีสคริปต์
  • การถ่ายภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ที่ใช้กล้องเดี่ยว
The Problem With Jon Stewart ซีซั่น 2 (3)
  • ซีรีส์ทอล์คโชว์ยอดเยี่ยม
  • ผู้กำกับยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์วาไรตี้
  • ผู้กำกับเทคนิค งานกล้อง และการควบคุมวิดีโอยอดเยี่ยมสำหรับรายการพิเศษ
Shrinking (2)
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Jason Segel
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Jessica Williams
Five Days at Memorial (1)
  • เอฟเฟ็กต์ภาพพิเศษยอดเยี่ยมในหนึ่งตอน
Prehistoric Planet ซีซั่น 2 (1)
  • การประพันธ์ดนตรียอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์หรือรายการพิเศษเชิงสารคดี (ดนตรีประกอบแนวดราม่า)
Selena Gomez: My Mind & Me (1)
  • การเขียนบทยอดเยี่ยมสำหรับรายการสารคดี
For All Mankind ประสบการณ์ซีซั่น 3 (1)
  • รายการสื่ออุบัติใหม่ยอดเยี่ยม
Carpool Karaoke: The Series ซีซั่น 5 (1)
  • ซีรีส์คอมเมดี้ ดราม่า หรือวาไรตี้ขนาดสั้นยอดเยี่ยม
Hello Tomorrow! (1)
  • การออกแบบฉากเปิดเรื่องยอดเยี่ยม
ผู้ได้รับการเสนอชื่อสำหรับโฆษณายอดเยี่ยม (4)
  • Apple - “The Greatest” - Accessibility
  • “Call Me with Timothée Chalamet” - Apple TV+
  • Apple - “Quiet the Noise” - AirPods
  • “R.I.P. Leon” - Apple

Bad Sisters

ใน Bad Sisters พี่น้องตระกูล Garvey เป็นพี่น้องที่สนิทกันแนบแน่นและต่างคอยดูแลกันและกันอยู่เสมอ เมื่อพี่เขยของพวกเธอเกิดเสียชีวิตลง และบริษัทประกันชีวิตของเขาพยายามที่จะสืบสวนเพื่อพิสูจน์ว่าการเสียชีวิตเกิดจากการปองร้าย โดยเพ่งเล็งมาที่สาวๆ ในตระกูลซึ่งต่างก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะฆ่าเขา โดย Bad Sisters นำแสดงโดย Sharon Horgan, Anne-Marie Duff, Eva Birthistle, Sarah Greene และ Eve Hewson ที่รับบทเป็นห้าพี่น้องสาวตระกูล Garvey ร่วมด้วย Claes Bang, Brian Gleeson, Daryl McCormack, Assaad Bouab และดาราหน้าใหม่ Saise Quinn ที่ทำให้คณะนักแสดงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ซีรีส์อำนวยการสร้างและเขียนบทโดย Horgan ร่วมกับ Brett Baer และ Dave Finkel ซึ่งดัดแปลงซีรีส์มาจากซีรีส์เบลเยี่ยมเรื่อง Clan ที่สร้างโดย Malin-Sarah Gozin โดย Horgan, Faye Dorn และ Clelia Mountford ร่วมอำนวยการสร้างในนาม Merman ส่วน Gozin, Bert Hamelinck และ Michael Sagol ร่วมอำนวยการสร้างในนาม Caviar นอกเหนือจาก Horgan, Baer และ Finkel แล้ว ซีรีส์ยังร่วมเขียนบทโดย Karen Cogan, Ailbhe Keogan, Daniel Cullen, Perrie Balthazar และ Paul Howard โดยมี Dearbhla Walsh, Josephine Bornebusch และ Rebecca Gatward รับหน้าที่เป็นผู้กำกับ และ Walsh ยังรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย Bad Sisters สร้างโดย Merman Television และ ABC Signature ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Disney Television Studios

Black Bird

ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง เมื่อ Jimmy Keene (Taron Egerton) ฮีโร่นักกีฬาฟุตบอลระดับไฮสคูลและลูกชายนายตำรวจที่เคยได้รับเหรียญกล้าหาญต้องโทษจำคุก 10 ปีในคุกที่มีการรักษาความปลอดภัยในระดับต่ำ เขาได้รับข้อเสนอที่สำคัญยิ่งต่อชีวิต นั่นก็คือการเข้าไปอยู่ในคุกที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดสูงสุดสำหรับอาชญากรโรคจิต เพื่อผูกมิตรกับ Larry Hall (Paul Walter Hauser) นักโทษที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นฆาตรกรต่อเนื่อง หรือไม่ก็ต้องอยู่ในคุกที่เดิมและรับโทษไปจนครบระยะเวลาโดยไม่มีโอกาสได้ทำทัณฑ์บน ซึ่ง Keene ก็รู้ได้ทันทีว่าทางรอดทางเดียวของเขาก็คือ การล้วงเอาคำสารภาพและค้นหาว่าร่างของหญิงสาวหลายคนนั้นถูกฝังอยู่ที่ไหน ก่อนที่การอุทธรณ์ของ Hall จะผ่านจนเขาได้รับการปล่อยตัว แต่ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรคนนี้กำลังพูดความจริงอยู่ หรือเป็นเพียงแค่เรื่องโกหกอีกเรื่องจากจอมโกหกต่อเนื่องเท่านั้น เรื่องราวอันเข้มข้นและน่าติดตามนี้ฉีกกฎของซีรีส์แนวอาชญากรรมด้วยการเกณฑ์เอาผู้คนมากมายเข้าไปอยู่ในคุกเพื่อที่จะไขปริศนานี้
Black Bird สร้างและเขียนบทรวมถึงอำนวยการสร้างโดย Dennis Lehane สามตอนแรกกำกับโดย Michaël R. Roskam ผู้กำกับที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างด้วย โดยมี Lehane, Egerton และ Roskam ร่วมอำนวยการสร้างพร้อมกับ Richard Plepler ในนาม EDEN Productions และ Bradley Thomas, Dan Friedkin กับ Ryan Friedkin ร่วมอำนวยการสร้างในนาม Imperative Entertainment ส่วน Alexandra Milchan และ Scott Lambert ร่วมอำนวยการสร้างในนาม EMJAG Productions และ Kary Antholis ก็ร่วมอำนวยการสร้างพร้อมกับ Keene ผู้เป็นนักเขียนเรื่องนี้ Jim McKay และ Joe Chappelle ร่วมกำกับการแสดง ซีรีส์แบบลิมิเต็ดนี้สร้างเพื่อ Apple TV+ โดย Apple Studios

Carpool Karaoke: The Series

ซีซั่นนี้ ดาราดังที่จะรับเชิญมานั่งรถไปด้วยกัน พร้อมร้องเพลงโปรดจากเพลย์ลิสต์ส่วนตัวของแต่ละคน และเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ มีทั้ง Kevin Bacon, Michael Bacon, Ciara, Brian Cox, Chelsea Clinton, Hillary Clinton, Alan Cumming, Duran Duran, Nikki Glaser, Method Man, Sandra Oh, Chris Redd, Amber Ruffin, Wilco, Russell Wilson, ทีมนักแสดงจาก For All Mankind และอีกมากมาย
Carpool Karaoke: The Series สร้างสำหรับ Apple โดย CBS Studios และ Fulwell 73 Productions โดยมี James Corden, Eric Pankowski และ Ben Winston เป็นผู้อำนวยการสร้าง

Five Days at Memorial

ผลงานจากเจ้าของรางวัลออสการ์ John Ridley และ Carlton Cuse ผู้ชนะรางวัล Emmy ซึ่งร่วมกันทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ และนำแสดงโดยทีมนักแสดงระดับรางวัลซึ่งมีทั้ง Vera Farmiga, Cornelius Smith Jr. และ Cherry Jones เจ้าของรางวัล Emmy โดย Five Days at Memorial เป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอริเคนแคทรีน่า และควันหลงที่เกิดตามมาในโรงพยาบาลท้องถิ่น โดยหลังจากที่น้ำเริ่มท่วมมากขึ้น ไม่มีไฟฟ้า และความร้อนเพิ่มขึ้น บรรดาผู้ดูแลในโรงพยาบาลนิวอร์ลีนส์ที่ล้วนแต่เหนื่อยล้าก็ถูกบีบให้ตัดสินใจในสิ่งที่อาจจะตามหลอกหลอนพวกเขาไปอีกยาวนาน
นอกเหนือจาก Farmiga, Smith Jr. และ Jones ชีรีส์ลิมิเต็ดเรื่องนี้ยังร่วมนำแสดงโดย Robert Pine, Julie Ann Emery, Adepero Oduye, Molly Hager, Michael Gaston และ W. Earl Brown
Five Days at Memorial อำนวยการสร้างและเขียนบทโดย Cuse and Ridley และกำกับโดย Cuse, Ridley และ Wendey Stanzler ซีรีส์เป็นผลงานของ ABC Signature ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Disney Television Studios

For All Mankind

ซีรีส์ความเป็นจริงทางเลือกที่ดำเนินมาถึงซีซั่น 3 จะพาผู้ชมไปสู่ทศวรรษใหม่นั่นก็คือช่วงต้นทศวรรษ 90 ที่มีการแข่งขันความเร็วในการไปสู่ดาวเคราะห์ดวงใหม่นั่นก็คือดาวอังคาร โดยดาวสีแดงได้กลายมาเป็นด่านหน้าแห่งใหม่ในการแข่งขันด้านอวกาศ ไม่เพียงแค่สำหรับสหรัฐฯ และโซเวียต แต่ยังมีผู้ร่วมแข่งขันหน้าใหม่ที่ใครก็คาดไม่ถึง ซึ่งมีเรื่องให้ต้องพิสูจน์กันมากมาย และด้วยเดิมพันที่สูงยิ่งขึ้น ตัวละครในเรื่องจะต้องเผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัวเมื่อความทะเยอทะยานที่จะไปสู่ดาวอังคารของพวกเขาเข้าสู่จุดที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน และต้องถูกทดสอบในเรื่องความจงรักภักดี จนเกิดเป็นสถานการณ์กดดันที่นำไปสู่บทสรุปอันน่าตื่นเต้นเร้าใจ
For All Mankind สร้างโดย Ronald D. Moore ผู้ชนะรางวัล Emmy และ Ben Nedivi กับ Matt Wolpert ผู้ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy โดยมี Nedivi and Wolpert ทำหน้าที่เป็นผู้จัดรายการและอำนวยการสร้างคู่ไปกับ Moore และ Maril Davis จาก Tall Ship Productions รวมถึง David Weddle, Bradley Thompson และ Nichole Beattie For All Mankind ผลิตโดย Sony Pictures Television

Hello Tomorrow!

Hello Tomorrow! เป็นเรื่องแนวดราม่าผสมความตลกขบขันซึ่งนำแสดงและอำนวยการสร้างโดย Billy Crudup เจ้าของรางวัล Emmy และ Critics Choice Award โดยเรื่องซึ่งเกิดขึ้นในโลกอดีตที่ดูล้ำยุค Hello Tomorrow! บอกเล่าถึงกลุ่มเซลแมนที่ร่วมกันเดินทางไปเร่ขายโครงการไทม์แชร์บนดวงจันทร์ โดย Crudup เล่นเป็น Jack เซลแมนผู้เก่งกาจและทะเยอทะยาน ซึ่งมีความเชื่ออันหนักแน่นถึงอนาคตที่สดใสกว่า ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เพื่อนร่วมงาน เติมชีวิตชีวาให้แก่ลูกค้าผู้หมดหวัง แต่ก็กลับทำให้เขาต้องเจอกับความผิดหวังและสูญเสียความฝันหนึ่งเดียวที่ยึดโยงเขาเอาไว้ ทีมนักแสดงที่ร่วมแสดงกับ Crudup มีทั้ง Haneefah Wood, Alison Pill, Nicholas Podany, Dewshane Williams, Hank Azaria เจ้าของรางวัล Emmy, Matthew Maher และผู้ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ Jacki Weaver
ร่วมสร้างโดย Amit Bhalla และ Lucas Jansen และ Hello Tomorrow! ผลิตโดย MRC Television ซึ่งมี Stephen Falk, Jonathan Entwistle, Bhalla และ Jansen รับหน้าที่อำนวยการสร้างร่วมกับ Crudup และ Blake Griffin, Ryan Kalil กับ Noah Weinstein ทำหน้าที่อำนวยการสร้างในนาม Mortal Media

Prehistoric Planet

ซีรีส์จากผู้อำนวยการสร้าง Jon Favreau และ Michael Gunton ร่วมกับ BBC Studios Natural History Unit (Planet Earth) ซึ่งบรรยายโดย Sir David Attenborough พร้อมด้วยดนตรีประกอบดั้งเดิมโดย Hans Zimmer, Anže Rozman และ Kara Talve จาก Bleeding Fingers Music เป็นซีรีส์ที่จะนำพาผู้ชมย้อนกลับไปยังอดีตเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว เพื่อทำความรู้จักกับโลกของเราในยุคที่มีไดโนเสาร์เตร็ดเตร่อยู่ทั่วไป ด้วยรายละเอียดอันน่าอัศจรรย์ ผู้ชมจะได้สำรวจแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ 5 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ในอินเดีย พื้นที่ลุ่มในมาร์ดากัสการ์ ทะเลลึกใกล้ทวีปอเมริกาเหนือ และอื่นๆ อีกมากมาย ตลอดทั้งซีซั่นนี้ ซีรีส์และทีมผู้สร้างจะพาคุณไปใกล้ชิดกับแหล่งที่อยู่ของไดโนเสาร์เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์อันตราย การผจญภัยอันน่าตื่นเต้น และความใกล้ชิดสนิทสนมกันของเผ่าพันธุ์ซึ่งไม่เหมือนเผ่าพันธ์ุใดที่คุณเคยเห็นมาก่อน
Prehistoric Planet ผสานรวมการถ่ายภาพยนตร์ชีวิตในป่าระดับรางวัล ความรู้ด้านบรรพชีวินวิทยาล่าสุด และเทคโนโลยีชั้นแนวหน้า เพื่อเผยให้เห็นถึงแหล่งที่อยู่และสิ่งมีชีวิตในโลกยุคโบราณอันจะเป็นประสบการณ์ที่สมจริงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซีรีส์สร้างโดยทีมที่มีชื่อเสียงระดับโลกของ BBC Studios Natural History Unit พร้อมด้วยการสนับสนุนจากเอฟเฟ็กต์ด้านภาพแบบสมจริงของ MPC ซึ่งนำมาใช้กับคอนเส็ปต์อาร์ตซึ่งสร้างสรรค์โดย Jellyfish Pictures ธีมสร้างโดย Hans Zimmer และ Andrew Christie ในนาม Bleeding Fingers Music พร้อมด้วยเพลงประกอบโดย Zimmer, Rozman และ Talve ในนาม Bleeding Fingers Music

The Problem With Jon Stewart

Jon Stewart ผู้เป็นทั้งพิธีกร นักเขียน ผู้อำนวยการผลิต ผู้กำกับ และผู้สนับสนุนทางสังคมที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างสูง และเคยได้รับรางวัล Mark Twain ประจำปี 2022 ในฐานะยอดตลกชาวอเมริกัน เขามักนำความเห็นอกเห็นใจและอารมณ์ขันมาใช้ในขณะที่เจาะลึกลงไปในประเด็นต่างๆ ที่มีความสำคัญมากที่สุดในยุคสมัยของเรา ด้วยการใช้ความตลกและสามัญสำนึก ซีรีส์นำเสนอบทสนทนาอันเฉียบคม ตรงประเด็น และเข้ากับวัฒนธรรมของยุคสมัยจากมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้เชี่ยวชาญ และคนธรรมดาคนหนึ่งซึ่งต้องเผชิญกับประเด็นเหล่านี้
The Problem With Jon Stewart ซีรีส์ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Writers Guild Award ดำเนินรายการและอำนวยการสร้างโดย Stewart ในนาม Busboy Productions ของเขา ซีรีส์ยังร่วมอำนวยการสร้างโดยผู้จัดรายการ Brinda Adhikari พร้อมกับ James Dixon ซึ่งเป็นผู้จัดการให้ Stewart มาอย่างยาวนาน รวมทั้ง Chris McShane และ Richard Plepler ในนามของ Eden Productions ซึ่งมีข้อตกลงพิเศษในการสร้างโดยรวมร่วมกับ Apple และยังมี Lorrie Baranek และ Reza Riazi เป็นผู้ดูแลการผลิตและ Kris Acimovic เป็นหัวหน้านักเขียน

Schmigadoon!

ถึงเวลาพบกับรักแท้แล้วในเมือง Schmigadoon ในซีซั่น 2 ของ Schmigadoon! พบกับ Josh (Keegan-Michael Key) และ Melissa (Cecily Strong) ใน Schmicago โลกที่จินตนาการขึ้นมาใหม่จากดนตรียุค 60 และ 70 โดยซีซั่น 2 ของคอมเมดี้จาก Apple ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางเรื่องนี้จะมีเพลงใหม่เพิ่มเข้ามาจาก Cinco Paul ที่เป็นผู้สร้างร่วม ผู้อำนวยการสร้าง และผู้จัดรายการ รวมถึงดาราที่กลับมาใหม่ทั้ง Strong, Key, Ariana DeBose, Martin Short, Dove Cameron, Jaime Camil, Kristin Chenoweth, Alan Cumming, Ann Harada, Jane Krakowski และ Aaron Tveit พร้อมด้วย Tituss Burgess และ Patrick Page ที่มาเข้าร่วมทีมนักแสดงในซีซั่น 2 นี้ด้วย
Schmigadoon! สร้างโดย Broadway Video และ Universal Television ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ Universal Studio Group Schmigadoon!ร่วมสร้างโดย Paul และ Ken Daurio ซึ่ง Paul รับหน้าที่เป็นผู้จัดรายการและแต่งเพลงประกอบซีรีส์ทั้งหมด ส่วน Lorne Michaels และ Andrew Singer ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง Micah Frank ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างร่วม และ Strong กับ Caroline Maroney ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์

Selena Gomez: My Mind & Me

Selena Gomez: My Mind & Me เป็นภาพยนตร์สารคดีที่นำเสนอเรื่องราวของ Selena Gomez ที่เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดง โปรดิวเซอร์ นักลงทุน และนักกิจกรรม โดย Selena Gomez: My Mind & Me กำกับและอำนวยการสร้างโดย Alek Keshishian
หลังจากหลายปีท่ามกลางแสงสี Gomez ก็กลายเป็นดวงดาวอันเจิดจรัสอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่เมื่อเธอก้าวสู่จุดสูงสุดใหม่ ก็เกิดจุดเปลี่ยนอันไม่คาดคิดที่ดึงเธอให้ตกลงสู่ห้วงแห่งความมืดมิด ภาพยนตร์สารคดีที่นำเสนอในแบบตรงไปตรงมาและเป็นส่วนตัวที่สุดเรื่องนี้นำเสนอเส้นทางหกปีของเธอในการเดินทางสู่แสงสว่างอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ 2 ซึ่ง Lighthouse Management & Media และ Interscope Films สร้างให้กับ Apple หลังจากที่เคยทำงานร่วมกันในภาพยนตร์สารคดีที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy เรื่อง Billie Eilish: The World’s a Little Blurry

Shrinking

Shrinking นำแสดงโดย Jason Segel and Harrison Ford ซึ่งเป็นหนึ่งในบทบาทแรกทางโทรทัศน์ของเขา เป็นเรื่องของ Jimmy (Segel) นักบำบัดผู้เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้า ซึ่งเริ่มที่จะแหกกฎด้วยการบอกผู้ที่มารับการบำบัดถึงสิ่งที่เขาคิดจริงๆ แต่การไม่ใส่ใจในสิ่งที่เรียนมาและจรรยาบรรณ กลับทำให้เขาพบว่าตัวเองได้สร้างความเปลี่ยนแปลงและความสับสนอลหม่านให้กับชีวิตของคนอื่น รวมถึงชีวิตของตัวเองด้วย นอกเหนือจาก Segel และ Ford (Paul) แล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังร่วมแสดงโดย Jessica Williams (Gaby), Christa Miller (Liz), Lukita Maxwell (Alice), Michael Urie (Brian) และ Luke Tennie (Sean)
ร่วมสร้างโดย Bill Lawrence ผู้อำนวยการสร้างเจ้าของรางวัล Emmy จากเรื่อง Ted Lasso และ Brett Goldstein, และ Segel นักแสดง นักเขียน และผู้อำนวยการสร้างร่วมเจ้าของรางวัล Emmy จากเรื่อง Ted Lasso ซีรีส์ Shrinking ผลิตโดย Warner Bros และ Television Studios ซึ่งมี Lawrence และ Goldstein เป็นผู้ดำเนินการตามข้อตกลงโดยรวม รวมถึง Doozer Productions ของ Lawrence โดย Lawrence, Segel, Goldstein, Neil Goldman, James Ponsoldt, Randall Winston, Jeff Ingold และ Liza Katzer ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง

STILL: A Michael J. Fox Movie

STILL: A Michael J. Fox Movie นำแสดงโดย Michael J. Fox และ Tracy Pollan กำกับโดย Davis Guggenheim เจ้าของรางวัลออสการ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการผสมผสานระหว่างสารคดี จดหมายเหตุ และองค์ประกอบจากบทภาพยนตร์ เพื่อสร้างเรื่องราวอันสุดพิเศษของ Fox จากปากคำของเขาเอง เรื่องราวอันเหลือเชื่อของเด็กชายร่างเล็กจากฐานทัพของแคนาดา ซึ่งกลายมาเป็นดาวรุ่งที่โด่งดังสุดๆ ของฮอลลีวูดในทศวรรษ 1980 เรื่องราวชีวิตสาธารณะของ Fox เต็มไปด้วยความเร้าใจที่ชวนให้คิดถึงและความหวือหวาของวงการภาพยนตร์ ที่เผยให้เห็นควบคู่กันไปกับชีวิตส่วนตัวของเขาที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน รวมถึงช่วงเวลาหลังจากที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคพาร์คินสันในวัย 29 ปี ภาพยนตร์ที่บันทึกเหตุการณ์ในชีวิตของ Fox ทั้งเรื่องส่วนตัวและชีวิตครอบครัวซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รวมถึงชัยชนะและความยากลำบากในด้านอาชีพการงาน เป็นการบอกเล่าอย่างจริงใจและลึกซึ้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ที่เคยแต่มองโลกในแง่ดี ต้องเผชิญหน้ากับโรคร้ายที่รักษาไม่หาย เป็นส่วนผสมของการผจญภัย ความโรแมนติก ความตลกขบขัน และดราม่า ซึ่งทำให้การดูภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนการได้ชมภาพยนตร์ของ Michael J. Fox นั่นเอง
STILL: A Michael J. Fox Movieสร้างโดย Concordia Studio โดยมี Guggenheim, Annetta Marion, Will Cohen และ Jonathan King ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ พร้อมด้วย Laurene Powell Jobs, Jonathan Silberberg, Nicole Stott และ Nelle Fortenberry ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร่วมสร้างผลงานกับ Fox มาอย่างยาวนานทำหน้าที่อำนวยการสร้าง โปรเจ็กต์นี้เป็นการร่วมมือกันเป็นครั้งที่ 2 ระหว่าง Apple กับ Concordia Studio หลังจากทำงานร่วมกันในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Boys State ที่ได้รับรางวัล Emmy

Ted Lasso

Jason Sudeikis รับบท Ted Lasso โค้ชฟุตบอลของวิทยาลัยเล็กๆ จากแคนซัสที่ได้รับว่าจ้างให้ไปเป็นโค้ชของทีมฟุตบอลอาชีพในอังกฤษ ถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์เลยก็ตาม แต่ในส่วนของความรู้ที่ขาดหายไป เขาก็ชดเชยด้วยการมองโลกในแง่ดี ความมุ่งมั่นของผู้ที่เป็นไก่รองบ่อน และบิสกิต โดยมี Hannah Waddingham, Brendan Hunt, Jeremy Swift, Juno Temple, Brett Goldstein, Phil Dunster และ Nick Mohammed ร่วมแสดงในซีรีส์ที่ได้รับคำชมมากมายเรื่องนี้ด้วย
นอกจาก Sudeikis จะนำแสดงในเรื่องนี้แล้ว เขายังเป็นผู้อำนวยการสร้างคู่กับ Bill Lawrence ในนามของ Doozer Productions ของตนเอง ร่วมกับ Warner Bros. และ Universal Television ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ Universal Studio Group นอกจากนี้ยังมี Jeff Ingold จาก Doozer เป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยมี Liza Katzer เป็นผู้อำนวยการสร้างร่วม ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานของ Sudeikis, Lawrence, Brendan Hunt และ Joe Kelly โดยอ้างอิงมาจากรูปแบบและตัวละครที่มีอยู่เดิมจาก NBC Sports
รายการทั้งหมดสามารถรับชมได้ผ่าน Apple TV+ ในขณะนี้
Apple TV+ มีซีรีส์ดราม่าและคอมเมดี้ระดับพรีเมียมอันน่าสนใจ พร้อมด้วยภาพยนตร์แนะนำ สารคดีอันน่าทึ่ง ตลอดจนความบันเทิงสำหรับเด็กและครอบครัว ซึ่งพร้อมให้รับชมได้ทันทีผ่านหน้าจอที่แต่ละคนชื่นชอบ หลังจากเปิดตัวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2019 บริการ Apple TV+ ได้กลายเป็นบริการสตรีมมิ่งรายแรกที่เปิดตัวทั่วโลกด้วยคอนเทนต์ Original ทั้งหมด ตลอดจนมีการฉายคอนเทนต์ Original รอบปฐมทัศน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและได้รับรางวัลมากมายอย่างรวดเร็วกว่าบริการสตรีมมิ่งรายอื่นๆ ในช่วงที่เปิดให้บริการครั้งแรก
แชร์บทความ

Media

  • เนื้อหาของบทความนี้

  • รูปภาพในบทความนี้

สื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

[email protected]